การนอนหลับ (Sleep) เป็นกระบวนการทางชีวภาพที่สำคัญ คุณภาพของการนอนยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะสุขภาพโดยรวมได้ด้วย แม้ว่าการนอนหลับจะมีความสำคัญ แต่หลายคนมักจะไม่เห็นคุณค่าของการนอนหลับที่เพียงพอ โดยมักจะเสียสละเวลานอนหลับเพื่อทำงาน กิจกรรมทางสังคม หรือความบันเทิง บทความนี้จะสำรวจและรวบรวมความสำคัญของการนอนหลับและความสัมพันธ์ของการนอนกับสุขภาพ โดยเฉพาะการเกิดโรคเสื่อมที่รวมไปถึงโรคมะเร็งด้วย
การนอนหลับกับการรักษาสุขภาพ
การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกระบวนการทางสรีรวิทยาหลายอย่าง รวมถึงการทำงานของสมอง การควบคุมการเผาผลาญ การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน และการซ่อมแซมเซลล์ วัฏจักรการนอนหลับของมนุษย์แบ่งออกเป็นระยะการนอนหลับแบบ Non-Rapid Eye Movement (NREM) และ Rapid Eye Movement (REM) ซึ่งแต่ละระยะของการนอนเหล่านี้มีบทบาทหน้าที่ที่เฉพาะเจาะจงแตกต่างกันไป การนอนหลับแบบ NREM มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูร่างกายและการอนุรักษ์พลังงาน ในขณะที่การนอนหลับแบบ REM มีความสำคัญต่อกระบวนการทางปัญญา เช่น การรวมความจำและการควบคุมอารมณ์
การนอนหลับที่ไม่เพียงพอสามารถเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพได้หลายประการ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง มีงานวิจัยพบว่าการนอนหลับสั้นจะเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคอ้วน ซึ่งอาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่มีผลต่อการควบคุมความอยากอาหาร นอกจากนี้ การอดนอนยังทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
การนอนหลับกับโรคเสื่อม
โรคเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่มีลักษณะของการสูญเสียการทำงานในสมองและอวัยวะอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง การนอนหลับถูกระบุว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันและการพัฒนาของโรคเหล่านี้
โรคอัลไซเมอร์: การสะสมของโปรตีนอะไมลอยด์เบต้า (amyloid-beta plaques) ในสมองเป็นลักษณะเฉพาะของโรคอัลไซเมอร์ จากงานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการนอนหลับมีบทบาทสำคัญในการกำจัดโปรตีนที่เป็นพิษเหล่านี้ออกจากสมอง ทีมนักวิจัยพบว่า ระบบกลิมพาติก (glymphatic system) มีหน้าที่ในการกำจัดของเสีย รวมถึงอะไมลอยด์เบต้าออกจากสมอง มีความเคลื่อนไหวมากขึ้นในระหว่างการนอนหลับ ดังนั้นการนอนหลับที่ถูกรบกวนอาจเร่งการสะสมของสารพิษชนิดนี้ในสมอง และนำไปสู่การเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการนอนหลับและความเสื่อมของระบบประสาทด้วย
โรคพาร์กินสัน: โรคพาร์กินสันเป็นโรคเสื่อมของระบบประสาทอีกชนิดหนึ่งที่มักพบว่ามีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของการนอนหลับ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าความผิดปกติของพฤติกรรมการนอนแบบ REM (REM sleep behavior disorder (RBD)) ซึ่งเป็นภาวะที่บุคคลเคลื่อนไหวร่างกายขณะฝัน มักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคพาร์กินสัน จากการศึกษาของทีมนักวิจัยใน ปี ค.ศ. 2013 พบว่าบุคคลที่มีภาวะ RBD มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคพาร์กินสันภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี ข้างหน้า นอกจากนี้ ภาวะการนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ (sleep fragmentation) และภาวะการนอนแบบ REM ที่ลดลง ยังส่งผลให้อาการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว (motor symptoms) มีความรุนแรงมากขึ้น และยังก่อให้เกิดภาวะสมองเสื่อมถอย (cognitive decline) ร่วมด้วย ผลกระทบที่เกิดจากความผิดปกติของการนอนเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคพาร์กินสันอย่างชัดเจน
การนอนหลับกับมะเร็ง
ความสัมพันธ์ระหว่างการนอนหลับกับมะเร็งเป็นเรื่องซับซ้อนและมีหลายมิติ งานวิจัยใหม่ ๆ ชี้ให้เห็นว่าการนอนหลับที่ไม่เพียงพอและความผิดปกติของการนอนหลับอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางประเภท และยังมีผลต่อการพยากรณ์โรคมะเร็งด้วย
การนอนหลับกับความเสี่ยงของมะเร็ง: การรบกวนนาฬิกาชีวภาพ (circadian rhythms) ที่ควบคุมวงจรการหลับ-ตื่นถูกพบว่ามีความเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็งได้ สำนักงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง (International Agency for Research on Cancer (IARC)) ได้จัดให้การทำงานเป็นกะซึ่งมักต้องการให้คนทำงานในช่วงเวลาที่ควรนอนถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ จากการศึกษาวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ทำงานกะกลางคืนจะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ทำงานกะกลางคืน ซึ่งอาจเป็นผลอันเนื่องมาจากการผลิตเมลาโทนิน (melatonin production) ที่ลดลง เพราะเมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับและมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันไม่เกิดความเสียหายกับสารพันธุกรรม (DNA)
การนอนหลับกับการเกิดมะเร็ง: การนอนหลับยังมีความสำคัญต่อความสามารถของระบบภูมิคุ้มกัน (immune system) ในการต่อสู้กับมะเร็ง เซลล์ที (T cells) ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งที่โจมตีเซลล์มะเร็งจะมีประสิทธิภาพน้อยลงหากการนอนหลับถูกรบกวน ทีมนักวิจัยพบว่า การอดนอนจะทำให้มีการผลิตไซโตไคน์ (cytokines) ลดลง ซึ่งสารไซโตไคน์เหล่านี้มีความจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ทีและกลไกการเฝ้าระวังทางภูมิคุ้มกัน (immune surveillance) นอกจากนี้การอดนอนเรื้อรังยังเชื่อมโยงกับการอักเสบที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของมะเร็งได้
การนอนหลับกับการรักษามะเร็ง: การนอนหลับที่เพียงพออาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษามะเร็งได้ ผู้ป่วยมะเร็งที่มีการนอนหลับที่ดีในระหว่างการทำเคมีบำบัดมีแนวโน้มที่จะมีผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีขึ้นและมีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยลง จากการศึกษาวิจัยพบว่า คุณภาพการนอนหลับเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการทำนายอัตราการรอดชีวิต (survival rate) ของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย นอกจากนี้ยังพบอีกว่า แนวทางการบำบัดรักษาโรคนอนไม่หลับและปรับปรุงคุณภาพของการนอนด้วยการปรับความคิดและพฤติกรรม (cognitive-behavioral therapy for insomnia (CBT-I)) สามารถส่งเสริมคุณภาพชีวิตและลดภาวะอ่อนเพลียในผู้ป่วยมะเร็งได้
การอดนอนและผลกระทบต่อสุขภาพอื่น ๆ
นอกเหนือจากผลกระทบโดยตรงต่อโรคเสื่อมและมะเร็งแล้ว การอดนอนเรื้อรังยังส่งผลกระทบทางด้านสาธารณสุขในวงกว้างได้อีกด้วย เช่น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง และส่งผลให้มีผู้ป่วยทางด้านสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
การอดนอนส่งผลต่อการทำงานของสมอง นำไปสู่การตัดสินที่ผิดพลาด เวลาตอบสนองที่ช้าลง และความยากลำบากในการกำหนดสมาธิ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว เช่น การดูแลสุขภาพและการขนส่ง แต่ยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วย นอกจากนี้ ความผิดปกติของการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ยังมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพจิต จากการศึกษาวิจัยพบว่า บุคคลที่มีอาการนอนไม่หลับมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบของการนอนหลับที่มีต่อสุขภาพแล้ว เราจึงควรให้ความสำคัญกับการนอนหลับ และจัดให้เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญด้านสาธารณสุข ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมนิสัยการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การรักษาตารางการนอนหลับที่สม่ำเสมอ การสร้างสภาพแวดล้อมการนอนหลับที่เหมาะสม และการลดการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน
แนวทางที่จะช่วยให้คุณนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ
อ่านเพิ่มเติม