ทางเลือกใหม่ สู้มะเร็ง(เนื้อ) ตับ

“มะเร็งตับ” เป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของคนไทยมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน และยังไม่มีทีท่าว่าเราจะเอาชนะได้ง่ายๆ ฉบับนี้เราจะมาคุยกันเกี่ยวกับทางเลือกใหม่ในการรักษากันครับ
มะเร็งของตับ แบ่งได้เป็น มะเร็งของเนื้อตับ, มะเร็งระบบทางเดินน้ำดีในตับ, มะเร็งของเส้นเลือดในตับและมะเร็งอื่น ที่กระจายมาตับ แต่มะเร็งตับที่เรากำลังพูดถึงกันนี้ จะเน้นไปที่มะเร็งเนื้อตับหรือ Hepato Cellular Carcinoma เรียกย่อๆว่า Hepatoma หรือ HCC ซึ่งเกิดจากการที่เนื้อตับเกิดการอักเสบ ทำให้มีการซ่อมแซมตัวเองและแบ่งเซลล์มาทดแทน แต่เกิดการผ่าเหล่าจนรวมตัวกลายเป็นก้อน ขยายตัวทั่วตับจนทำให้เกิดน้ำดีอุดตันเป็นดีซ่าน จนตับหยุดการทำงาน เรียกว่า “ ภาวะตับวาย” ทำให้เสียชีวิตได้
สาเหตุหลักมักเป็นจากภาวะตับแข็งจากสุรา แต่ปัจจุบันพบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซีแบบเรื้อรัง ซึ่งมีข่าวดีมาก คือเรามียากินที่สามารถกำจัดไวรัสตับอักเสบได้อย่างดีมาก อีกทั้งผลข้างเคียงต่ำกว่ายาฉีดอินเตอร์เฟอรอนอย่างมาก และมียาให้ใช้ในประเทศไทยแล้ว นอกจากนี้ยังพบ ภาวะตับแข็งจากไขมันเกาะตับจนตับอักเสบเรื้อรัง ทำให้เป็นมะเร็งเนื้อตับได้เช่นกัน และการได้รับสารก่อมะเร็งร้ายแรงอัลฟ่าท็อกซินจากเชื้อรา ปนเปื้อนในอาหารแห้ง เช่นถั่วป่น พริกป่น
สำหรับการวินิจฉัย ถ้าผู้ป่วยมีอาการโรคตับ เช่น แน่นท้องด้านขวาบน ตาเหลือง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ควรตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของตับ สารบ่งชี้มะเร็งและการติดเชื้อไวรัส ต่อด้วยการตรวจอัลตร้าซาวด์ตับ ถ้าพบก้อนก็จะทำการตรวจต่อด้วย Multiphase CT scan หรือตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI พร้อมฉีดสีพิเศษ (Primovist) ก็จะวินิจฉัยได้ แต่ถ้าบอกไม่ได้จึงค่อยเจาะชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy) และวางแผนการรักษาตามระยะของโรคดังนี้
ระยะต้น : ถ้าเจอในระยะแรก มีก้อนเดียวเล็กกว่า 2 ซม. สามารถตัดออกได้ แต่ถ้ามีก้อนใหญ่ไม่เกิน 3 ก้อน ขนาดไม่เกิน 3 ซม. ก็อาจทำการเปลี่ยนตับ หรือจี้เผาก้อนด้วยคลื่นวิทยุ (RFA) นอกจากนี้ยังมีทางเลือกใหม่ๆ ในการรักษาเช่น ใช้คลื่นไมโครเวฟ(MWA), คลื่นแม่เหล็กแรงสูง (IRE), คลื่นเสียง HIFU, การฉายรังสีความเข้มข้นสูง(SBRT) , การฉีดสารเคมี (แอลกอฮอล์ หรือแก็สเยือกแข็ง) เข้าที่ตัวก้อนให้ฝ่อ เป็นต้น
ระยะกลาง : ก้อนใหญ่ผ่าตัดไม่ได้ แต่ไม่มีเส้นเลือดอุดตัน การรักษาหลักยังเป็นการอุดเส้นเลือด ตัดท่อน้ำเลี้ยงมะเร็งร่วมกับการฝังยาเคมีผสมน้ำมันเม็ดฝิ่น (TOCE) ส่วนทางเลือกใหม่ๆ เช่น ใช้เจลโฟมอุดเส้นเลือด (TACE), ใช้เจลปล่อยยาเคมีแบบช้า (DEB) หรือใช้ผงรังสีออกฤทธิ์วงแคบ (TARE)
ระยะลุกลาม : มะเร็งลุกลามมาก มีเส้นเลือดอุดตัน หรือกระจายไปทั่วตับหรืออวัยวะข้างเคียง เป็นการให้ยาเพื่อคุมการลุกลาม ซึ่งไม่สามารถทำให้หายได้ ยามาตรฐานที่มีมานาน ได้แก่ ยามุ่งเป้าแบบกิน (Sorafenib) หากคนไข้ดื้อยาก็เป็นการรักษาตามอาการ ทั้งนี้ปัจจุบันมียามาตรฐานใหม่ที่ได้รับการรับรองในต่างประเทศได้แก่ กรณีดื้อยา Sorafenib สามารถใช้ยามุ่งเป้าแบบกิน Regorafenib หรือยาภูมิคุ้มกันบำบัด Nivolumab แบบฉีดซึ่งมีผลข้างเคียงต่ำกว่ายามุ่งเป้า ส่วนกรณีให้ยาสูตรแรกมีทางเลือกใหม่ตือยามุ่งเป้าแบบกิน LENVATINIB ซึ่งให้ผลไม่ต่างจาก Sorafenib แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า
วิธีใหม่ๆ ในการรักษามะเร็งเนื้อตับซึ่งกำลังเป้นที่จับตา คือ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ไปทำลายมะเร็ง เช่น AHCC ที่กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวทำลายมะเร็ง หรือการสร้างเม็ดเลือดขาวทำลายมะเร็ง (Natural Killer Cell) จากเลือดของผู้ป่วยเป็นต้น
สำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย มียามอร์ฟีนแบบใหม่ที่กินแล้วคุมอาการปวดได้นาน 24 ชม หรือแบบแผ่นแปะที่คุมอาการปวดได้ 72 ชั่วโมง และมียากลุ่มมอร์ฟีนสังเคราะห์ออกฤทธิ์ 12 ชม. แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่ายามอร์ฟีนบบเดิม นอกจากนี้ยังสามารถใช้การรักษาด้วยความร้อนจากคลื่นเสียง HIFU เพื่อช่วยอาการปวดได้
แม้มะเร็งตับจะยังเป็นมะเร็งที่มีปัญหามาก แต่จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยในยุคนี้ มีทางเลือกในการรักษาที่ดีขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งควรตระหนักไว้เสมอก็คือ มะเร็ง รู้เร็ว รักษาได้นั่นเอง