
อวัยวะในช่องท้อง เช่น ตับ และตับอ่อน มักเกิดมะเร็งได้บ่อย ไม่ว่าจะมาจากอวัยวะนั้น ๆ หรือกระจายมาจากที่อื่นก็ตาม มะเร้งตับที่พบบ่อย ได้แก่ มะเร็งของเนื้อตับ รองลงมา คือ มะเร็งระบบทางเดินน้ำดีในตับ ซึ่งพบบ่อยในคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม ในตอนแรกมักจะไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยมักเกิดความผิดปกติ เช่น ปวดท้อง ตาเหลือง และมาพบแพทย์ก็ต่อเมื่อเป็นมากแล้ว จึงไม่สามารถตัดออกให้หายขาดได้ ทำได้เพียงประคับประคอง ไม่ให้ลุกลาม และไม่ให้มีอาการปวดจากก้อนเนื้อมะเร็ง
วิธีการหนึ่งที่ใช้รักษา คือ ปล่อยก้อนอยู่ในร่างกาย แต่หยุดการเติบโตด้วยการเผาทำลายจากพลังงานที่ส่งผ่านอุปกรณ์นำวิถีด้วยภาพเอกเรย์หรืออัลตราซาวด์ เข้าไปที่ก้อนนั้น ๆ เรียกว่า “Intervention Treatment หรือรังสีร่วมรักษา” การส่งผ่านพลังงานเข้าไปที่ก้อนมะเร็งในร่างกายนั้นทำได้หลายแบบ และหลายชนิดพลังงาน ได้แก่
- RFA : Radiofrequency Ablation เป็นการแทงเข็มโลหะเข้าไปที่ก้อนมะเร็ง และขยายส่วนปลายของอุปกรณ์ให้กางออกเหมือนร่ม แล้วปล่อยคลื่นวิทยุสร้างความร้อนเผาก้อนมะเร็ง แต่มีข้อจำกัด คือ จะทำได้ในรายที่ก้อนมีขนาดไม่เกิน 3 ซม. และไม่ติดกับเส้นเลือดสำคัญ
- MWA : Microwave Ablation เป็นการแทงเข็มโลหะเข้าไปที่ก้อนมะเร็ง และใช้คลื่นไมโครเวฟสร้างความร้อน เผาก้อนมะเร็ง
ทั้ง RFA และ MWA ต่างก็มีข้อจำกัดที่ว่า ถ้าก้อนมะเร็งอยู่ชิดติดกับเส้นเลือดหรือท่อน้ำดี จะไม่สามารถใช้ความร้อนเผาได้ จึงมีการวิจัยเทคโนโลยีอื่นเข้ามาช่วยก็คือ
- IRE : Irreversible Electropolation (Nonoknife หรือ มีดนาโน) : หลักการ คือ การแทงเข็มขั้วไฟฟ้าไปรอบก้อนมะเร็ง 2 – 4 จุด และส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าเข้าไปเหนี่ยวนำให้เกิดความต่างศักย์ไฟฟ้าที่สูงมาก ประมาณ 3,000 โวลต์ ทำให้ส่วนประกอบที่มีประจุไฟฟ้าภายในเซลล์เกิดการแตกตัว และสลายตัวเฉพาะในวงของขั้วไฟฟ้า โดยไม่ได้เกิดความร้อนจึงไม่ทำให้เนื้อเยื่อนอกรัศมีมีขั้วไฟฟ้าถูกทำลาย จึงใช้กับเนื้องอกที่ใกล้เส้นเลือดหรืออยู่ห่างจากเส้นเลือดน้อยกว่า 1 ซม. ได้อย่างค่อนข้างปลอดภัย แต่ข้อพึงระวัง คือ ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่รุนแรงนี้อาจทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ IRE เริ่มทำการวิจัยและใช้ในอเมริกามามากกว่า 5 ปี จึงขยายสู่ยุโรปและเอเชีย สำหรับประเทศไทยอยู่ในระยะเริ่มใช้ และยังมีราคาที่สูงมากกว่า 2 วิธีข้างต้น
- เรายังสามารถส่งผ่านความร้อนจากภายนอก เข้าไปทำลายเนื้องอกในช่องท้องได้ด้วย คลื่นเสียงรวมศูนย์ความเข้มสูงหรือ HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) ที่ส่งลำคลื่นเสียงเข้าไปโฟกัสที่ก้อนเนื้องอก ทำให้โมเลกุลของน้ำในก้อนสั่นจนเกิดความร้อนจนเดือด เกิดการขยายตัวแตกระเบิดออก เมื่อทำทั่วทั้งก้อนมะเร็ง ก็เท่ากับเผาทำลายก้อนมะเร็งได้โดยไม่ต้องแทงอุปกรณ์เข้าไปในร่างกาย ไม่เสี่ยงเลือดออก ใช้ได้กับอวัยวะที่อัลตราซาวด์ได้ เช่น มดลูก ตับและตับอ่อน
วิธีการเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้ผสมผสานกับการรักษาอื่น ๆ เช่น การใช้ยามะเร็ง ยามุ่งเป้า ยาภูมิคุ้มกันบำบัด และการอุดเส้นเลือดตัดท่อน้ำเลี้ยงมะเร็งได้อีกด้วย