Search
Close this search box.

เซลล์ที

การตรวจ CD3/CD4/CD8 Cell Count คืออะไร?

คือ การตรวจวัดจำนวน CD3/CD4/CD8 ในกระแสเลือด ซึ่งเป็น CD ที่มีความจำเพาะกับเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันชนิดที่ต้องมีการกระตุ้น ( Adaptive Immune Response ) คือ กลุ่มเม็ดเลือดขาว ชนิดที่สร้างแอนติบอดี ( B cells ) หรือ กลุ่มเม็ดเลือดขาวที่เป็นหน่วยความจำ ( T cells ) และมีความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย

รู้จักกับ CD3/CD4/CD8

เซลล์ที่ทำหน้าที่ในระบบภูมิคุ้มกัน สร้างจาก Stem Cells ที่อยู่ในไขกระดูกมีหลายชนิด แต่ CD3/CD4/CD8 เกี่ยวข้องกับเซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดเล็กที่เรียกว่า เซลล์ลิมโฟไซท์ (lymphocyte) ที่แบ่งเป็น B cells และ T cells

โดย B cells ทำหน้าที่ผลิตภูมิคุ้มกันชนิดสารน้ำที่เรียกว่า แอนติบอดี B cells จะถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจน แล้วเปลี่ยนเป็น plasma cells เพื่อสร้างแอนติบอดีที่เฉพาะต่อแอนติเจนนั้น

T cells ทำหน้าที่ตอบสนองทางด้านเซลล์ เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือจุลชีพ แบ่งเป็น เซลล์ CD4 และ เซลล์ CD8

หน้าที่ของ CD4 และ CD8

เซลล์ CD4 คือ?

เซลล์ CD4 หรือ helper T (Th) cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแอนติเจนชนิด CD4 อยู่บนผนังเซลล์ ทำหน้าที่ส่งเสริมเม็ดเลือดขาว B cell ในการสร้างแอนติบอดีจำเพาะ และ T cell เพื่อเปลี่ยน cytotoxic T cells (CTL) ดังนั้น CD4 จึงมีความสำคัญมาก เพราะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

เซลล์ CD8 คือ?

เซลล์ CD8 หรือ killer cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแอนติเจนชนิด CD8 อยู่บนผนังเซลล์ ทำหน้าที่ทำลายเซลล์ที่มีความผิดปกติ หรือติดเชื้อจุลชีพ เซลล์ชนิดนี้จะรู้ว่าเซลล์ไหนเป็นสิ่งแปลกปลอมจากที่เซลล์นั้น ไม่มีโมเลกุลเหมือนเซลล์เม็ดเลือกขาว คือ เซลล์ HLA class I และจะทำการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันแอนติเจนจำเพาะ

กระตุ้น B Cells สร้างแอนติบอดี

B cells จะจับแอนติบอดีที่จำเพาะด้วย antibody receptor โดย B- และ T- cells มีโมเลกุล receptors ที่ผิวเซลล์เพื่อจับกับแอนติเจน สำหรับ B-cell เป็นโมเลกุลของอิมมูโนโกลบูลินที่เกาะผิวเซลล์ ส่วนของ T-cell คือ T-cell receptor, TRC หรือ CD3 เป็นโมเลกุลที่ซับซ้อนกว่า ที่จะจำและจับกับแอนติเจนที่หลากหลาย ถูกนำเสนอโดยantigen-presenting cell เท่านั้น หลังจาก antibody receptor จะนำส่วนแอนติเจนเข้ามาในเซลล์ และเปลี่ยนแปลงที่ผิวเซลล์ร่วมกับโมเลกุล HLA Class II ทำให้ T helper cell มาจับและถูกกระตุ้นด้วยแอนติบอดี จาก B cells T cell หลังจากนั้นจะหลั่งสาร lymphokines ที่ไปสั่งให้ B-cell เปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็น plasma cell เพื่อสร้างแอนติบอดีต่อไป

Regulatory T Cell ( Treg Cell )

Regulatory T Cell ( Treg cell ) เป็นกลุ่มของเม็ดเลือดขาวกลุ่มหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของลิมโฟไซต์ชนิด T cells แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ  CD4+ Treg cells และ CD8+ Treg cells มีหน้าที่ในการรักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย โดยป้องกันไม่ให้ T cells ที่จดจำเซลล์ของร่างกายทำลายเซลล์ของร่างกายตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันของแม่ทำอันตรายต่อทารกที่อยู่ในครรภ์ และยังช่วยยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีความไวต่อสิ่งแปลกปลอมมากกว่าปกติซึ่งเป็นสาเหตุของอาการแพ้หรือหอบหืดอีกด้วย

ทำไมเราต้องตรวจ TREG CELL COUNT

Treg cell ในร่างกายนั้น  มีจำนวนที่แตกต่างกัน กล่าวคือ  CD4+Treg  cells  มีจำนวน 5-10%  ของจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4+ ทั้งหมด   และ CD8+ Treg  cells มีจำนวน 0.1-1%  ของเม็ดเลือดขาวชนิด CD8+ ทั้งหมด   จำนวนของ Treg cells ทั้ง 2 กลุ่มในร่างกายสามารถบอกภาวะความเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันและโรคมะเร็งได้  โดยที่

  • จำนวน Treg cells ที่ต่ำลง : จะทำให้ Treg cells ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะยับยั้งไม่ให้เม็ดเลือดขาวทำลายเซลล์ภายในร่างกายของตนเองได้ จนเป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง รวมถึงไม่มีความสามารถเพียงพอในการยับยั้งการทำงานของเซลล์ชนิดอื่นในระบบภูมิคุ้มกัน   จึงส่งผลให้เกิดอาการแพ้  หรือก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้
  • จำนวน Treg cells ที่สูงขึ้น : สามารถบ่งชี้ถึงโอกาสการเป็นโรคมะเร็ง  และโรคติดเชื้อไวรัส  เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี  (HBV) , ไวรัสตับอักเสบซี (HCV),  HIV  และ  Herpes Simplex Virus   ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเริม   เนื่องจาก Treg cells ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งหรือเชื้อไวรัสสามารถหลบเลี่ยงเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของเราได้   ส่งผลให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งหรือเซลล์ที่ติดเชื้อดังกล่าวได้

รูปข้างต้น  แสดงถึง  กลไกการทำงานร่วมกันของเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อมีการตรวจพบเซลล์มะเร็ง  โดยเซลล์ที่มีหน้าที่ในการนำเสนอชิ้นส่วนของสิ่งแปลกปลอม เช่น Dendritic cells  หรือ Macrophage นำเสนอชิ้นส่วนของเซลล์มะเร็งให้กับ  Treg cells  จากนั้น Treg cells จะไปยับยั้งการทำงานของ T cells   ส่งผลให้ T cells  ไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้

ผู้ที่ควรได้รับการตรวจวัดจำนวน Regulatory T Cell ( Treg Cell ) ในร่างกาย

  1. บุคคลในครอบครัว หรือญาติพี่น้องมีประวัติเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น SLE
  2. ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรค ที่เกี่ยวข้องกับภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง
  3. ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคภูมิแพ้
  4. ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง
  5. ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส ซึ่งสะท้อนถึงภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  6. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
  7. ผู้ที่พักผ่อนน้อย เครียด   ขาดการออกกำลังกาย  มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
  8. มีภาวะทุพโภชนาการ  จากการรับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วน เช่น ขาดการบริโภคผัก  หรือผลไม้อย่างเพียงพอ

วิธีเพิ่มระดับภูมิคุ้มกัน กรณีที่มีจำนวน Treg Cells อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐาน

  1. พบแพทย์เพื่อหาข้อมูลปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองและโรคมะเร็ง
  2. การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  3. ปรับการบริโภคอาหาร เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือการรับประทานวิตามินเสริมโดยเฉพาะวิตามินเอ
  4. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายมีโอกาสได้รับวิตามินดีมากขึ้น
  5. ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน

หากคุณมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับมะเร็ง ให้โอกาส
วินเซลล์ รีเซิร์ช ได้ไขข้อสงสัยหรือคลายความกังวลนั้นให้กับคุณ