Search
Close this search box.

เซลล์เพชฌฆาต

เซลล์เพชฌฆาตหรือเซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ที่มีส่วนของนิวเคลียสเป็น วงกลมหรือวงรี (Large granular lymphocyte) สามารถพบได้ประมาณร้อยละ 5 ถึง 20 ของปริมาณเม็ดเลือดขาวทั้งหมดในระบบไหลเวียน เซลล์เพชฌฆาตมีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดหรือระบบภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ (Innate immune system) ที่สามารถ ทำลายสิ่งแปลกปลอม เช่น เซลล์ที่ติดเชื้อก่อโรค (Infected cell) และ เซลล์มะเร็ง (Cancer cell) ได้ทันทีและรวดเร็วปราศจากการกระตุ้นโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่น ๆ และสามารถแยกแยะเซลล์แปลกปลอมออกจากเซลล์ปกติได้เป็นอย่างดีผ่านกลไกการทำงานของหน่วยรับความรู้สึก (Receptor) ที่ผิวเซลล์ หน่วยรับความรู้สึกหลักที่เซลล์ปกติมีอยู่บนผิวเซลล์คือ Major histocompatibility complex class I ซึ่งหน่วยรับความรู้สึกนี้จะไม่แสดงออกในเซลล์แปลกปลอม เซลล์เพชฌฆาตจึงไม่ทำลายเซลล์ปกติแต่จะทำลายเฉพาะเซลล์แปลกปลอมเท่านั้น มีงานวิจัยพบว่าประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เพชฌฆาต (Natural cytotoxicity) ที่ลดลงมีความสัมพันธ์ต่อการเกิดมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ

เซลล์เพชฌฆาตที่พบในร่างกายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มย่อย โดยอาศัย การแสดงออกของกลุ่มโมเลกุลบนผิวเซลล์ (Cluster of differentiation, CD) ได้แก่ CD56 และ CD16 ซึ่งเซลล์ เพชฌฆาตที่มีการแสดงออกของ CD56 ต่ำ (CD56dim) และ CD16 สูง (CD16bright) สามารถพบได้ราว 90% ของเซลล์เพชฌฆาตทั้งหมด ในขณะที่เซลล์เพชฌฆาตที่มีการแสดงออกของ CD56 สูง (CD56bright) และ CD16 ต่ำ (CD16dim) สามารถพบได้เพียง 10% เท่านั้น แม้ว่าเซลล์เพชฌฆาตทั้งสองกลุ่มมีบทบาทสำคัญในการกำจัดเซลล์แปลกปลอมเช่นเดียวกัน แต่ขีดความสามารถในการทำงานจะแตกต่างกันออกไป เช่น เซลล์ เพชฌฆาต CD56dim/CD16bright จะทำหน้าที่หลักในการกำจัดเซลล์แปลกปลอมด้วยกลไก Natural cytotoxicity ในขณะที่เซลล์เพชฌฆาต CD56bright/CD16dim จะทำหน้าที่หลักในการสร้างและหลั่งไซโตไคน์ (Cytokine) ที่เป็นกลุ่มโปรตีนส่งสัญญาณระหว่างเซลล์เพื่อเรียกให้เซลล์ภูมิคุ้มกันอื่น ๆ มาช่วยกันกำจัดเซลล์แปลกปลอม ไซโตไคน์อาจหมายรวมถึง Interferon-γ (IFN-γ) และ Tumor necrosis factor-α (TNF-α) เป็นต้น

เทคโนโลยีการตรวจวัดประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เพชฌฆาตที่ทาง วินเซลล์ รีเซิร์ช คือ วิธี Calcein-AM cytotoxicity assay ด้วยเครื่อง Fluorometer ให้บริการจัดเป็นเทคนิคที่เทียบเท่าวิธีมาตรฐาน (Gold standard) คือ 51Cr release assay  ซึ่งเป็นการตรวจวัดความสามารถในการทำลายเซลล์มะเร็งของเซลล์เพชฌฆาต CD56dim/CD16bright โดยตรง คือ วิธี Calcein-AM cytotoxicity assay ด้วยเครื่อง Fluorometer ซึ่งเป็นวิธีที่พัฒนาขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สารรังสี โดยใช้หลักการเดียวกับวิธี 51Cr release assay แต่เปลี่ยนจากการใช้สารรังสีมาเป็นสารเรืองแสง  (Calcein-AM) ซึ่งเป็นสารเรืองแสงสีเขียวมีคุณสมบัติเป็น lipid-soluble substance ทำให้สามารถผ่านเข้าสู่ cell membrane ได้ดี และจะถูกปล่อยออกจากเซลล์ในกรณีที่ cell damage แล้วเช่นเดียวกับ 51Cr หลังจากนั้น เราจึงทำการวัดปริมาณสารเรืองแสงแล้วนำมาคำนวณเป็นค่า NK cell activity ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับและมีความแม่นยำสูงมาก รวมทั้ง ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย

การตรวจประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เพชฌฆาต

เซลล์เพชฌฆาตเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวเพียงหนึ่งเดียวที่ทำลายสิ่งแปลกปลอมทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ที่เกิดจากการติดเชื้อก่อโรคโดยไม่ผ่านกระบวนการทำงานของแอนติเจน (Antigen) และแอนติบอดี (Antibody) ด้วยเหตุนี้เซลล์เพชฌฆาตจึงทำหน้าที่เสมือนหน่วยรบด่านหน้าที่สามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องจดจำหรือรู้จักกับสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นก่อนล่วงหน้า 

การตรวจวิเคราะห์จำนวนเซลล์เพชฌฆาต
(CD3-/CD16+/CD56+ count)

การรู้จำนวนเซลล์เพชฌฆาต (NK cell) ในกระแสเลือด ช่วยให้เราทราบถึงความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง หรือการติดเชื้อไวรัสต่างๆ  อีกทั้งสามารถบอกอีกด้วยว่าผู้ป่วยมะเร็งมีความพร้อมสมบูรณ์ แข็งแรงเพียงพอหรือไม่ที่จะรักษาด้วยการฉายแสง ผู้ป่วยที่ขาดหรือมีจำนวนของ NK cells ต่ำ จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง หรือการติดเชื้อไวรัสต่างๆ  เนื่องจาก NK cells เป็นด่านแรกที่ทำการตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็ง เชื้อไวรัส เชื้อโรคแปลกปลอมต่างๆ ผ่านกลไกพิเศษเฉพาะของ NK cells เท่านั้น เพื่อไม่ให้เซลล์มะเร็งหรือเซลล์แปลกปลอมแบ่งตัวเพิ่มจำนวนจนไม่อาจควบคุมได้  แม้ว่าการตรวจนับจำนวน NK cells จัดเป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งและการติดเชื้อ แต่การตรวจประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เพชฌฆาต (NK cell activity) ก็เป็นตัวบ่งชี้ที่ควรตรวจควบคู่กัน เพื่อประเมินทั้งจำนวนและความสามารถของเซลล์เพชฌฆาตของแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น

เซลล์เพชฌฆาตในเลือดบอกอะไร?

การตรวจวิเคราะห์ปริมาณ NK Cells ในกระแสเลือดจะช่วยให้ทราบว่า คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งหรือไม่? หรือช่วยในการตัดสินใจว่า ผู้ป่วยแข็งแรงพอที่จะรักษาด้วยวิธีฉายรังสีหรือไม่? เป็นต้น

ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องใน NK cell หรือมีจำนวน NK cell ในเลือดต่ำ (NK cell deficiency or low NK cell count) มีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็ง เนื่องจาก NK cell เป็นด่านแรก ที่จะตรวจจับและฆ่าเซลล์มะเร็งก่อนที่เซลล์มะเร็งจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและควบคุมไม่ได้ในที่สุด

ประสิทธิภาพการทำงานและจำนวนของเซลล์เพชฌฆาตมีประโยชน์อย่างไร

ผู้มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง

ได้แก่ การใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เช่นดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ น้ำหนักเกิน หรือมีประวัติมะเร็งในครอบครัว

ผู้ที่เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ผู้ที่ป่วยบ่อย

ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งแต่หายแล้ว

หากคุณมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับมะเร็ง ให้โอกาส
วินเซลล์ รีเซิร์ช ได้ไขข้อสงสัยหรือคลายความกังวลนั้นให้กับคุณ